Written by Nattapol Klanwari
ช่วงวิฤตการณ์ไวรัส Covid 19 ระบาดอยู่นี้ สร้างผลกระทบต่อเศรฐษกิจ การงาน และการใช้ชีวิตไปเหมือนกันทั่วทุกมุมโลก ต่างคนต่างมีโอกาสเจ็บป่วยหรือถึงตายได้เท่าๆ กัน มีเงินสำรองเยอะก็สบายหน่อย สำหรับคนหาเช้ากินค่ำก็ลำบากหน่อย
ขอพาท่านผู้อ่านมาเห็นสภาพการใช้ชีวิตในช่วงเวลาของไวรัสระบาดในอีกซึกโลกหนึ่งคือที่ Toronto ประเทศแคนาดา ซึ่งก็ได้รับผลกระทบเหมือนๆ กันกับทุกที่ในโลก เพียงแต่พื้นฐานเศรษฐกิจและการจัดการภาพรวมในประเทศของเขาค่อนข้างเป็นระบบดี แต่ก็มีผู้ติดเชื้อมากและมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตเช่นกัน
เราไปเริ่มกันที่การติดตามข่าวสารประจำวันของที่นี่กันก่อน พอเช้าขึ้นมาก็ต้องเปิดทีวีอัปเดทข้อมูลข่าวสารกัน เริ่มจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลก่อนเลย โดย Mr.Justin Trudeau, Prime Minister of Canada นายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้ภรรยาติดเชื้อไวรัสไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนแคนาดาแล้ว และ Mr. Trudeau ก็กักตัวเองอยู่กับบ้านโดยใช้วิธีทำงานที่บ้าน (Work from home)
พอถึงเวลาที่นัดหมายในการแถลงข่าว (ระยะนี้ออกมาแทบทุกวัน) เตรียมโพเดียมแล้ว Mr. Trudeau ก็เดินออกจากประตูบ้านแถลงข่าวที่หน้าบ้านของเขาเลย การแถลงก็จะเป็นนโยบายใหญ่ๆ ในกรอบกว้างๆ เช่น การงด ไม่รับชาวต่างชาติเข้าประเทศ ยกเว้นคนแคนาเดืยน เริ่มตั้งแต่เมื่อไร จำนวนเงินที่รัฐอนุมัติในการเยียวยาธุรกิจและประชากรที่ขาดรายได้ในช่วงการพักหยุดงาน โดยในแต่ละเรื่องจะแจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าที่ ใคร ชื่ออะไรเป็นผู้แถลงรายละเอียดอีกขั้นตอนหนึ่ง และการแถลงจะอ่านจากกระดาษที่เตรียมมาแล้วเป็นอย่างดี เรียกว่าทำการบ้านมาก่อนแล้ว
จากนั้นบรรดารัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการก็จะแถลงในรายละเอียดสอดคล้องกับนโยบายใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ก่อนหน้า สาธารณสุขพูดเรื่องสาธารณสุข แรงงานพูดเรื่องแรงงาน การศึกษาพูดเรื่องการศึกษา ฯลฯ พร้อมให้ผู้สื่อข่าวซักถามข้อสงสัยต่างๆ
ถ้ามีรายละเอียดในระดับจังหวัด ผู้ว่าการจังหวัดก็จะออกมาชี้แจงรายละเอียดนั้นๆ อีกขั้นหนึ่ง เช่น ผมอยู่ Toronto City ในจังหวัด Ontario Province ผมก็ต้องดูและฟังรายละเอียดที่อาจเป็นเฉพาะของ Ontario และหากมีรายละอียดเฉพาะของเมือง Toronto ผู้ว่าเมืองก็จะมาให้รายละเอียดอีกทีหนึ่งย่อยลงไป ก็นับว่าได้รับข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจนไม่สับสน ซึ่งจะมีรายละเอียดให้ติดตามได้จากเว็บไซต์ที่เป็นทางการ (Official Website) ของแต่ละหน่วยงานอีก
เราเริ่มออกไปจ่ายตลาดกัน ผมจะไปจ่ายตลาดที่ Metro Supermarket ห่างจากที่พักไปประมาณ 1.7 km ใช้เวลาเดินเท้าไปประมาณ 25 นาที (ประหยัดค่ารถไฟฟ้าใต้ดิน ไป-กลับ คนละ 6 เหรียญ ซื้อเบียร์ได้ 2 กระป๋องเลย)
ระยะนี้ห้างและร้านค้าต่างๆ ปิดให้บริการ ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารเครื่องดื่มที่ขายโดยให้ถือนำออกไป ไม่มีการนั่งภายในร้าน เช่น Starbucks ถนนหนทางโล่งไม่ต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนบนทางเดิน ถนนรถโล่งมาก
ร้านอาหารที่เป็นการบริการแบบ Food Court ที่อยู้ตรงข้าม Metro Supermarket ปิดให้บริการ เงียบมาก
การจะเข้า Supermarket ต้องเข้าคิวตามช่องที่กั้นด้วยแถบสีเหลือง ที่ผนังกระจกด้านซ้ายมือจะมีกระดาษบอกระยะที่ต้องยืนห่างจากคนข้างหน้าและข้างหลังประมาณ 6 ฟุตหรือ 2 เมตร มาตรการนี้ไม่ใช่เรื่องการป้องกันการกรูไปกักตุนสินค้า แต่เป็นการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐคือสถานที่ที่เปิดให้บริการต้องมีคนรวมกันไม่เกินครั้งละ 50 คน และต้องเว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 2 เมตร เมื่อมีลูกค้าจ่ายเงินแล้วออกไปกี่คน พนักงานก็จะอนุญาตให้ลูกค้าที่อยู่ในแถวเข้าไปได้เท่านั้น เช่นถ้ามีลูกค้าออกไป 2 คนก็ให้เข้าได้ 2 คน
ที่แผ่นกระดาษที่ติดไว้ที่กระจกข้างๆ ที่ยืนเข้าแถวก็จะมีหมายเลขแจ้งว่าเราเป็นคนที่เท่าไรที่ยืนรอ ตอนนี้ผมเป็นคนที่ 15 ในแถว มีคนอยู่ข้างหน้าผม 14 คน พร้อมมีวิธีปฏิบัติที่แนะนำในการใช้บริการให้อ่านทำความเข้าใจ
สินค้าที่มักเห็นว่าพร่องจากชั้นวางมากที่สุดเกือบทุกแห่งคือกระดาษทิชชู่ แต่สักพักก็มีพนักงานนำมาเติมใส่ ท่านผู้อ่านหลายท่านก็อาจจะสงสัยว่าเขาใช้กระดาษทิชชู่อะไรกันมากมาย เท่าที่ผมลองศึกษาดูก็จะมีเหตุผลประมาณนี้ครับคือ หนึ่ง กระดาษทิชชู่ห่อใหญ่มากต้องซื้อยกห่อ อย่างที่เห็นที่ชั้นนี้วางไม่กี่สิบห่อก็เต็มแล้ว ซื้อกันสัก 30 คนก็แทบหมดชั้นแล้ว และสอง เท่าที่สังเกตที่ห้องน้ำแต่ละแห่งแม้แต่ที่บ้าน จะไม่ค่อยใช้สายฉีดชำระกัน ใช้กระดาษเป็นส่วนใหญ่
แต่ที่อ่างล้างจานจะมีสายหัวชำระสำหรับฉีดล้างจานชามก่อนนำจาน ชาม เข้าเครื่องล้างจาน
ชั้นหรือตู้ที่มักจะโล่งอีกแห่งก็คือพวกอาหารสำเร็จรูป เช่น อาหารกระป๋อง พิซซ่าสำเร็จรูปที่บรรจุแบบแช่แข็ง คนไทยอย่างเราไม่ค่อยกินของเหล่านี้มากก็ไม่เดือดร้อนอะไรเท่าไร แต่สักพักพนักงานก็จะนำมาเติม
อาหารสดเนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ (แต่ไม่มีเป็ด) มีขายครบถ้วน สบายๆ เลยครับ ยิ่งเราทำอาหารกินเอง ไม่ต้องไปแย่งอะไรกัน
เนื้อปลา อาหารทะเลมีครบถ้วน
ผักต่างๆ แบบตลาดจีน China Town เลย ขิง ใบโหระพา เครื่องแกง กะทิกระป๋อง ครบ ไม่อดตายแน่
สับปะรดเป็นลูก ซื้อไปปอกเปลือกเองก็ราคาถูกหน่อย 2 ลูก 5 เหรียญหรือประมาณ 125 บาท
หรือจะซื้อแบบปอกเปลือก เฉีอนตาออกแล้ว พร้อมทานได้เลยก็มี ขอให้มีเงินเถอะ
ผลไม้ ลูกไม้เมืองหนาว อย่าง Raspberry ที่นำมาทำ Raspberry Liqueur ยังไงละครับ
เอ๊ะ ทำไมมาลงที่เรื่องเหล้าเรื่องเบียร์อีกแล้วก็ไม่ทราบ
ก่อนจบก็ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายที่ท่านผู้อ่านเคารพนับถือ โปรดปกปักษ์รักษาให้ท่านผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปด้วยดี ระยะนี้ก็ทำตัวเหมือนกบจำศีลไปก่อนละกันนะครับ เก็บแรงกายแรงใจไว้ลุยกันใหม่ในวันที่สดใสกว่าเก่า