E-mail : klanwari@gmail.com             Tel - Line ID : 081 890 4988 

ปัญหาหรือุปสรรค์หนึ่งที่หลายๆ สถานประกอบการพบเจอค่อนข้างเหมือนๆ กันคือ พนักงานทำงานทำงานแบบแค่ให้ผ่านๆ ไป แบบไร้ชีวิตและจิตใจ พูดง่ายๆ ว่าขาดซึ่งทัศนคติที่ดีในการทำงาน (Attitude) ทั้งๆ ที่เมื่อตอนสัมภาษณ์รับเข้าทำงานและขณะทำงานใหม่ๆ ก็ดูว่าจะดี พออยู่ไปสักพัก พนักงานกลับไร้ซึ่งทัศคติในการทำงาน ทำงานให้ผ่านไปวันๆ เหมือนไม่มีเป้าหมายว่าทำงานไปเพื่ออะไร ทำเท่าที่ให้งานเสร็จๆ ไปวันๆ และมักจะเป็นเหมือนโรคติดต่อ คือมีคนหนึ่งเป็นหลายๆ คนพลอยจะเป็นตามไปด้วย ดีไม่ดีหัวหน้าก็ท้อและเป็นตามไปด้วย อันมีผลต่อประสิทธิภาพของงานในภาพรวม และมีผลต่อสินค้าและการบริการที่จะส่งมอบไปให้ลูกค้า

จะสามารถสังเกตเห็นได้ชัดว่าพนักงานที่มีทัศนคติที่ดีในการทำงานมักจะมีผลการทำงานที่ดี ทุ่มเท สามารถจัดสรรสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ค่อนเป็นอย่างดี ยังผลต่อการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นนั้นทุกคน แต่ละคนก็มีความแตกต่าง โดยเฉพาะกับสังคมไทยที่มีช่องว่างของการได้รับการศึกษา การใช้ชีวิต สภาพแวดล้อมในอดีต ประสบการณ์ (หรือเหตุการณ์ที่โชคร้าย) บางคนมีโอกาสได้พบเจอสิ่งที่สร้างเสริมหรือห้อมล้อมให้มีทัศนคติที่ดีก็ถือว่าโชคดีไป แต่สำหรับอีกหลายๆ คน ไม่มีโอกาสที่ดีเช่นนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเขาเหล่านั้นที่ไม่มีโอกาสหรือความโชคดีเช่นนั้นจะมีความรู้สึกนึกคิดหรือทัศนคติ (Attitude) ที่ไม่ค่อยดี ดังนั้นการอบรมให้เขารู้และเข้าใจในการสร้างเสริมทัศนคติที่ดีโดยเฉพาะกับการทำงานจึงมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง

ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจพนักงานที่โดนต่อว่าว่า "แค่นี้ทำไมคิดไม่ได้" คนเราได้รับโอกาสต่างๆ ในชีวิตมาไม่เท่ากัน ต้นทุนชีวิตมีมาไม่เท่ากันครับ ถ้าคนเราได้มีโอกาสจับจุดของทัศนคติที่เหมาะที่ควร ถ้าเขาต้องรดน้ำต้นไม้ก็รดให้ดีให้ถึงที่สุด ล้างจานก็จะล้างให้ดีให้ถึงที่สุด ล้างห้องน้ำก็จะล้างให้ดีให้ถึงที่สุด

เนื้อหาของการอบรม

1. ความหมายของการทำงาน (Meaning of Works)

2. การสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิต (Work and Life Balance)

3. การสร้างแรงจูงใจให้กับตนเอง (Building Self Motivation)

4. การพัฒนาตนเองและงาน (Self and Work Development)

5. การสื่อสารกับทีมงาน (Communication among the Team)

6. การสร้างเป้าหมายร่วมระหว่างตนเองและงาน (Establishing Common Goal on Oneself and Work)

ผู้เข้าร่วมดำเนินการ

พนักงานทุกระดับและทุกคนในองค์กร

ระยะเวลาในการดำเนินการ

1 วัน ๆ ละ 6 ชั่วโมง

วิธีการดำเนินการ

การบรรยายประกอบกิจกรรม

ถ้ามีทัศนคติที่ดี จะคิดจะทำอะไรก็ดีไปหมด มีปัญหาก็หาหนทางแก้ไขจนได้ ขาดความรู้ ขาดทักษะ ก็เรียนรู้และฝึกกันได้

 

K  N  O  W  L  E  D  G  E
11+14+ 15+23+ 12+5+ 4+ 7+  5    = 96

S   K  I   L  L
19+11+ 9+ 12+12      = 54

A  T   T  I   T   U  D  E
1+ 20+20+9+20+ 21+ 4+ 5      = 100

 

 

จากการที่ได้รับการติดต่อสอบถามเรื่องหลักสูตรอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพพนักงานและการบริการมาสักระยะหนึ่งพบว่า สถานประกอบการขนาดเล็ก เช่น Boutique Hotel, Economic Hotel หรือร้านอาหารขนาดเล็ก มีพนักงานไม่มาก 10 กว่าคนหรือ 20 คน ผู้บริหารรู้สึกว่าพนักงานมีไม่มากแต่หลักสูตรมักจะเน้นจัดทั้งวัน ประกอบการไม่ได้เน้นการบริการขนาดโรงแรมหรือภัตตาคารระดับ 5 ดาว แต่ก็ต้องการให้พนักงานมีการบริการและการทำงานที่ดีมีมาตรฐานทั้งแบบสากลและแบบฉบับของตนเอง และที่สำคัญคือถ้าพนักงานลาออกสิ่งที่อบรมก็หายไปกับตัวพนักงานด้วย แล้วก็อบรมกันใหม่ แม้กระทั่งอบรมแล้วพนักงานก็จะทำงานดีสักระยะหนึ่งแล้วก็กลับไปเป็นเช่นเดิมอีก หรือสนุกสนานในห้องอบรมกับวิทยากรแต่ออกจากห้องอบรมแล้วก็ทำอย่างเดิม

ธุรกิจในลักษณะเจ้าของคนเดียว ทำงานคนเดียว เช่น เปิดร้านขายของชำแล้วอยู่เฝ้าร้านคนเดียว หรือขายของออนไลน์โดยบริหารอยู่คนเดียวจัดการด้วยตนเองทุกอย่าง เจ้าของก็สามารถบริหารและตัดสินใจ ดำเนินการ ได้โดยไม่ต้องแคร์อะไร แต่สำหรับองค์กรที่ต้องมีพนักงานทำงานร่วมกันมากกว่า 10 คนขั้นไป ปัญหาต่างๆ จะตามมา มีคำว่าแผนกฉันและตัวฉัน มีความคิดที่แตกต่างกัน สไตล์การทำงานที่แตกต่างกัน ความเชื่อและความชอบที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าใช้ความแตกต่างนี้เพื่อเป็นประโยชน์กับการสร้างสรรค์งานในภาพรวมได้เป็นอย่างดี

การที่คนหลายๆ คนจะทำงานร่วมกันแบบเข้าอกเข้าใจ ให้เกียรติและรับฟังซึ่งกันและกัน ต้องอาศัยกิจกรรมที่จะช่วยปรับควาเข้าใจทั้งทัศนคติและพฤติกรรมของกันและกันพร้อมๆ ในเวลาเดียวกัน

เนื้อหาของกิจกรรม

1. การสร้างเป้าหมาย (Goal setting)

2. เป้าหมายขององค์กรและเป้าหมายของตัวพนักงาน (Organization goal in conjunction with Personal Goal)

3. ความแตกต่างระหว่งบุคคล (Personal differences)

4. ทักษะสังคมในการทำงานร่วมกัน (Social skill for working together)

5. ทักษะการสื่อสาร (Communication skill)

6. วิธีการแสดงความคิดเห็น (Expressing opinion technique)

ผู้เข้าร่วมกิจกรรม

พนักงานทุกคน ทุกระดับในองค์กร

ระยะเวลาในการดำเนินกิจกรรม

การอบรม 1 วัน ๆ ละ 6 ชั่วโมง

วิธีการดำเนินกิจกรรม

ร่วมกำหนดกิจกรรมโดยการพูดคุยกับผู้บริหารและฝ่าย HR ถึงควาเหมาะสมกับองค์กรและกลุ่มพนักงาน เช่น อาจต้องจัดนอกสถานที่ที่เหมาะสม

กรุณาคลิกเพื่อดูรายละเอียดแต่ละหัวข้อเพิ่มเติม
  บริการวิเคราะห์ปัญหาและอุปสรรค์เพื่อพัฒนาการให้บริการลูกค้าและพัฒนาระบบงานให้บริการ
  การสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงาน (Building Good Attitude at Work)
  หัวใจของการบริการ (Principle of Hospitality) 
  แค็ดดี้สนามกอล์ฟมืออาชีพ (Professional Golf Caddie)
  การบริการอาหารและเครื่องดื่ม (Food and Beverage Service) 
  การเพิ่มยอดการขายผ่านการรับคำสั่งอาหารและเครื่องดื่ม (FB Up-Selling Technique) 
  มารยาทการรับประทานอาหารแบบสากล (Dining Etiquette)
  หลักการเป็นหัวหน้างาน (Principle of Supervisor)
  การสอนงาน (Train The Trainer)
  การสื่อสารเพื่อการจัดการการบริการ (Communication for Service Business)
  การวิเคราะห์อุปสรรรคและปัญหาในการให้บริการและการจัดการและการปรับปรุง (Problem Analysis and Improvement Procedure for Customer Service and Management)  
  การจัดทำกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ (Job Description)  
  การจัดทำมาตรฐานการบริการและเช็คลิส (Service Standard of Procedure - SOP and Checklist)
  การทำงานร่วมกันเป็นทีม (Working as One Team)
  ผู้นำและการจัดการ (Leader and Management)
  การสร้างทัศนคติที่ดีในการทำงาน (Building Good Attitude at Work)


สามารถปรับหรือผสมผสานหัวข้อหลักสูตรตามความเหมาะสมของแต่ละความต้องการของธุรกิจและแต่ละองค์กร (Tailor-Made Courses) ซึ่งทุกระดับตำแหน่งของธุรกิจบริการจะมีเรื่อง การเป็นผู้นำ การสื่อสาร การประสานงาน แทรกอยู่

หัวข้อหลักสูตรที่เห็นโดยทั่วไปเป็นเพียงแนวคร่าวๆ เท่านั้น ทั้งนี้การฝึกอบรมที่ได้ผลดีที่สุดคือ ต้องแก้ปัญหาและก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปตามความคาดหวังขององค์กร ดังนั้จึงต้องมีการร่วมกันจัดเนื้อหาให้ตรงกับหน่วยงานให้มากที่สุด และควรเป็นเฉพาะขององค์นั้นๆ โดยเฉพาะ

การจัดอบรมให้ได้ผลดีที่สุด คือ การสร้างระบบให้เห็นทั้งแผงทั้งหมดก่อน แล้วจึงค่อยดำเนินการจัดการอบรมในส่วนที่เหมาะสมเป็นเรื่องๆ ไป จัดหาวิทยากรที่เหมาะสมกับเรื่องนั้นๆ อีกที จะได้ไม่เกิดอาการได้นี่แล้วก็ขาดนั่น และที่สำคัญคือต้องจัดวิธีและเวลาในการติดตามผลการปฏิบัติงานหลังการอบรม เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งที่ตามคือ "อบรมแล้วไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย"

 

การดำเนินการในธุรกิจการให้บริการโดยเฉพาะธุรกิจการโรงแรม การท่องเที่ยว และธุรกิจที่ต้องมีลูกค้ามารับบริการ เป็นการดำเนินงานที่ต้องใช้บุคลากรเป็นหลัก นับตั้งแต่ก้าวแรกที่ลูกค้าเดินทางมาถึงสถานประกอบการนั้นๆ ความพึงพอใจหรือไม่พึงพอใจก็เกิดขึ้นจากการให้การต้อนรับของพนักงานที่พบเจอในครั้งแรก ได้รับการบริการตามกระบวนการ จนกระทั่งเสร็จสิ้นการบริการ ยิ่งในปัจจุบันสินค้าต่างๆ สามารถผลิตให้ได้มาตรฐานด้วยเทคโนโลยีที่แทบจะไม่แตกต่างกันเท่าไร ธุรกิจจะชนะกันก็ตรงการให้บริการนี่แหละ

การเปลี่ยนแปลงด้านวัตถุหรือสถานที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน แต่การจะเปลียนแปลงพนักงานให้มีพฤติกรรมและโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านทัศนคติให้ได้ตามความคาดหวังของธุรกิจ จำเป็นต้องอาศัยเวลาและวิธีการที่เหมาะสมโดยผู้ที่อยู่ในแวดวงที่เข้าใจกันและกัน สามารถพูดภาษาเดียวกันได้

เนื้อหาของการอบรม

1. ลักษณะเฉพาะของธุรกิจการให้บริการ (Characteristic of Service Business)

2. บทบาทหน้าที่ของการเป็นผู้ให้บริการ (Role and Responsibility of Service Personnel)

3. หลักความคาดหวังและการตอบสนอง (Principle of Expectation and Satisfaction)

4. มาตรฐานของการให้บริการ (Standard of Service)

5. การสื่อสารเพื่อการบริการ (Communication for Service)

6. การแก้ปัญหาในการบริการ (Service Recovery)

ผู้เข้ารับการอบรม

พนักงานที่ทำหน้าที่ให้การต้อนรับหรือที่ต้องประสานสัมผัสกับลูกค้าในธุรกิจการให้บริการ

ระยะเวลาในการอบรม

การอบรม 1 วัน ๆ ละ 6 ชั่วโมง

วิธีการอบรม

การอบรมประกอบด้วยการบรรยาย สาธิต กิจกรรมกลุ่ม ประกอบเอกสารและวิดีทัศน์

ลูกค้าที่มาใช้บริการแล้วบอกต่อว่าธุรกิจเราบริการดี เป็นการรับรองและประชาสัมพันธ์ที่ได้ผลดีที่สุด เป็นการตลาดที่ลงทุนน้อยที่สุดแต่ได้ผลมากที่สุด

ติดต่อเรา

นัฐพล กลั่นวารี
Nattapol Klanwari

  • Tel (Thailand) 66-081 890 4988
  • Line ID : 081 890 4988
  • Tel (Canada) 1 - 437 775 2478
  • Email : klanwari@gmail.com

 

สุนันทา

  • Tel : 090 917 9523

ติดตามเรา

การอบรมพร้อมกับการสนับสนุน

การอบรมเป็นวิธีการหนึ่งที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้ง ความรู้ ทักษะและทัศนคติ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะได้ผลมากยิ่งขึ้น ถ้าปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องเกื้อหนุนด้วย ปัจจัยที่มีผลมากที่สุดคือผู้บริหารหรือผู้นำที่จะก่อให้เกิดปัจจัยเกื้อหนุนเหล่านั้น


คลิ๊กเพื่อดูหลักสูตรทั้งหมดพร้อมรายละเอียด

สถิติการเข้าชม (Since June 20, 2019)

1689670
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
1165
1628
6664
1674755
17226
35199
1689670

Your IP: 3.145.51.115
2024-11-14 21:18
© 2017 Sj TheCool - Joomla Responsive Template. All Rights Reserved. Designed By SmartAddons">SmartAddons.com

Search