Written by : Nattapol Klanwari
ร้านอาหารต่างๆ มักหาจุดขายที่เป็นจุดดึงดูดแขก อาจใช้อาหาร เครื่องดื่ม การตกแต่ง ตนตรี ฯลฯ เป็นสิ่งชูโรง แต่ที่สำคัญคือการรักษาไว้ด้วยคอนเซ็ปหรือจุดขายนั้นไว้ให้ได้ จนแขกรู้สึกว่า เออ "เป็นเข่นนั้นจริงๆ"
ประมาณกลางเดือนกันยาฯ ต้องไปงานญาติที่วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ซึ่งต้องไป 3 วันติด แน่นอนว่าต้องรีบไปก่อนเวลาเพื่อให้แน่ใจเรื่องการเผื่อรถติดและมีที่จอดรถแน่นอน ก็ต้องหาอาหารทานแถวๆ นั้นด้วย จะรอทานอาหารกล่องจากงานอย่างเดียวคงไม่พอ และอาจต้องทานอาหารเย็นหลังงานเสร็จสิ้นแล้วบ้าง
วันแรกก่อนเข้างานก็ทานผัดไทยมีชื่อข้างๆ วัด วันที่สองทานก๋วยเดี๋ยวสุโขทัย ก็อร่อยใช้ได้ วันสุดท้ายงานเสร็จสิ้นประมาณ 18.00 น ก็เลยต้องหาอาหารเย็นทานก่อนกลับบ้าน อีกทั้งเวลาดังกล่าวก็เป็นช่วงรถติดได้ที่เลย หาอาหารทานเพื่อรอให้รถติดน้อยลงก็ดีเหมือนกัน
เดินริมถนนข้างวัดอยู่ถึง 2 รอบ ประกอบกับไม่มีข้อมูลเรื่องร้านอาหารในระแวกนี้เท่าไร ช่วงระยะเวลาดังกล่าวก็เป็นช่วงโควิต 19 ที่ร้านอาหารยังไม่เปิดให้บริการกันเท่าไร แต่ยังไงก็ต้องหาทานแถวๆ นี้ให้เสร็จก่อนขับรถออกไปผจญการจราจรของกรุงเทพ แล้วก็ไปสะดุดตากับป้าย The Kook Restaurock
เห็นแล้วก็งงๆ ว่าเขียนผิดหรือเปล่ากับคำว่า Restaurock แต่ก็ไม่เป็นไร ลองเข้าไปทานจะได้รู้ว่าเป็นอย่างไร เข้าไปแล้วก็พบกับบรรยากาศที่ดูเป็นกันเอง ตกแต่งแบบง่ายๆ เก๋ๆ ได้กลิ่นอายของกรุงเกษม ดูรายการอาหารก็แปลกดี ราคาก็รับได้
เห็นเนื้อ Dry-Aged ก็ต้องถามรายละเอียดกับเจ้าของร้านที่มาให้บริการและอธิบายด้วยตัวเองเลย ผมก็สั่ง
- Dry-Aged ย่างจิ้มแจ่ว
- ต้มแซ่บ
- และเพิ่ม สามชั้นคั่วพริกเกลือ
- ข้าวสวย
เน้นที่จะทานข้าวเย็นปกติ ทานเสร็จก็จะได้รีบๆ ออกเดินทาง และแล้วก็เหลือบไปเห็นข้อความที่ด้านบนชัดเจนว่า "มิตรภาพสำคัญ ยิ่งกว่ารสชาติสุรา" และพอเห็น ดรายเอจจิ้มแจ่วมาวางต่อหน้าแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะต้องมีดื่มสักหน่อย แต่เนื่องจากช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ห้ามจำหน่ายเหล้าเบียร์ ผมก็เลยสั่งน้ำลำไยยี่ห้อ "Kirin" มา 1 ขวด เสิร์ฟด้วยแก้วอลูมิเนียมมีหูจับ
เนื้อครายเอจย่างจิ้มแจ่ว ไม่สร้างความผิดหวัง นุ่มไม่มีเอ็นให้ต้องสะดุดในการเคี๊ยวหรือต้องคายออก สามชั้นคั่วพริกเกลือที่กรอบ หอม ไม่มีน้ำมันเยื้อมให้เลี่ยน ชดต้มแช๋บที่รสชาติกลมกล่ม ชดเปล่าๆ หรือทานกับข้าวก็ได้อย่างเข้ากัน
จิบน้ำลำไย Kirin ไปด้วย ได้พูดคุยกับเจ้าของร้านด้วยความเป็นกันเองเหมือนรู้จักกันมาเป็น 10 ปี "คุณกุ๊ก" ที่ย้ายร้านมาจากซอยอารีย์ ช่วยกันทำร้านกับภรรยา ช่วงปกติที่ไม่ใช่โควิด ก็จะมีดนตรีสลับกันมาเล่น คุณกุ๊กก็เล่นตนตรีเองด้วย ทานไป ดื่มไป พูดคุยกับคุณกุ๊กและภรรยาไปด้วย รู้สึกเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สมกับประโยคที่ติดอยู่ที่ร้านว่า "มิตรภาพสำคัญ ยิ่งกว่ารสชาติสุรา"
ท่านใดที่ชื่นชอบ เนื้อครายเอจ และบรรยากาศอย่างนี้ แวะไปเลยครับ แล้วอาจได้พบผมดื่มน้ำลำไยยี่ห้อ "Kirin" อยู่ก็ได้
หมายเหตุ : เนื้อ Dry-Aged เป็นเนื้อที่เลี้ยงโดยการควบคุมสภาพต่างๆ ที่เหมาะสม บ่มด้วยอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส ในความซื้นไม่เกิน 70% ทำให้เอนไซม์ย่อยเนื้อโดยธรรมชาติ ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 สัปดาห์และกระบวนการบ่ม เนื้อจะสูญเสียความชึ้นออกไปจากตัวเนื้อเอง จนทำให้เนื้อนุ่มแบบธรรมชาติ คุ้มกับการสั่งทานครับ